Book review

[รีวิว] ใครกินพายแอ๊ปเปิ้ลของฉันไป

หนังสือเล่มนี้แปลมาจากต้นฉบับภาษาเกาหลี Who ate my apple pie? ผู้แต่งเรื่อง คือ Lee Jae Min และวาดภาพประกอบโดย Kim Hyeon จริงๆ พอเห็นภาพปกหนังสือนิทาน ใครกินแอ๊ปเปิ้ลของฉันไป แล้วลูกเราก็ถามขึ้นมาว่า “ทำไมเจ้าหนูร้องไห้เหรอแม่” เราก็เลยบอกตามชื่อเรื่องไปว่า “ก็เจ้าหนูคงกำลังเสียใจ และคงสงสัยว่าใครแอบเอาพายแอ๊ปเปิ้ลของมันไปนะ?” เรื่องเริ่มจากที่พี่หนูกับน้องเม่นช่วยกันยกแอ๊ปเปิ้ลผลใหญ่มา จากนั้นทั้งสองก็ลงมือทำพายแอ๊ปเปิ้ลแสนอร่อยด้วยกัน ตรงจุดนี้เราสามารถชวนลูกๆ ไล่เรียงดูส่วนผสมและอุปกรณ์ที่จะใช้ทำขนมว่ามีอะไรบ้างบนโต๊ะ แล้วลูกสาวถามด้วยความสงสัยว่า “ทำไมตอนกุริกับกุระทำขนมไข่ ไม่เห็นใช้เครื่องชั่ง” …ลูกคงเห็นว่าเรื่องนั้นก็เป็นหนูทำขนมเหมือนกันเลยถามขึ้นมา… เราจะตอบว่ามันคนละเรื่องกันลูก คนแต่งคนละคนกันก็ดูจะเป็นการตัดบทลูกเกินไป เราเลยพยายามอธิบายให้ลูกเห็นภาพว่า “ตอนที่กุริกุระทำคงจะใช้ถ้วยตวงหรือไม่ก็กะประมาณเอาให้พอดี เหมือนตอนยายทำขนมไงคะ ยายก็ใช้ถ้วยเล็กๆ ตักแป้งตักน้ำตาลใส่ แต่ถ้าเป็นแม่…น้องก็เห็นว่าแม่ชอบใช้เครื่องชั่งเหมือนพี่หนูในเรื่องนี้” พออบพายแอ๊ปเปิ้ลเสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่ทั้งสองเข้าไปเอาน้ำกลับมาก็พบว่าพายแอ๊ปเปิ้ลนั้นหายไปเสียแล้ว ปฏิบัติการตามหาพายแอ๊ปเปิ้ลจึงเริ่มขึ้น โดยเบาะแสที่ได้มีเพียง “หาง” ของอะไรบางอย่าง ถึงตรงนี้เราลองถามลูกดูได้ว่าหางแบบนี้น่าจะเป็นหางอะไรนะ เรื่องมันสนุกตรงที่พี่หนูออกตามหาเจ้าของหาง โดยมีน้องเม่นรับบทเป็นลูกคู่คอยช่วยสอบสวนค้นหาความจริงว่านี่คือหางของใคร เวลาอ่านให้ฟังเด็กๆ ก็สงสัยและคอยเปรียบเทียบไปด้วยว่าใช่หรือเปล่านะ นอกจากนี้เชื่อว่าเด็กยังได้รู้จักหน้าที่ของ “หาง” ของสัตว์แต่ละตัวไม่ว่าจะเป็น หางของตุ่นปากเป็ด หางของลิง หางของจิงโจ้ […]

Read more

[รีวิว] Digger man

เด็กผู้ชายกับรถของเล่นน่าจะเป็นของคู่กัน เรื่อง Digger man ที่มีเป็นหนังสือแบบ Board book เราบังเอิญเจอโพสต์ขายหนังสือเล่มนี้ในเฟซบุ๊กร้านขายหนังสืออิสระในไทย ก่อนที่จะไปตามซื้อเล่มอื่นๆ ได้แก่ Fire engine man และ Train man จากเวบไซต์ Amazon.com ของสหรัฐอเมริกาให้ส่งตรงมาที่ไทย (เอาไว้จะเขียนรีวิวการสั่งหนังสือจากแอมะซอนด้วยตัวเองเผื่อมีใครสนใจ) โดยทั้งสามเรื่องนี้เวบไซต์แอมะซอนบอกว่าเป็น “bestselling Truck picture book series” ของ Andrea Zimmerman และ David Clemesha ซึ่งทำผลงานร่วมกันทั้งเขียนและวาดภาพประกอบ เราอยากจะขอบคุณทั้งคู่มากที่ทำนิทานภาพสำหรับเด็กชุดนี้ออกมาในแง่ที่ว่ามันทำให้ลูกชายที่ตอนนั้นอายุสัก 2 ชวบเริ่มชอบฟังเราอ่านนิทานภาษาอังกฤษ ส่วนลูกสาวนี่ด้วยความที่เป็นคนน้องเลยเหมือนได้ฟังนิทานตามพี่ชายตั้งแต่แรกเกิดเป็นต้นมา ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้เลี้ยงลูกแบบเด็กสองภาษา แต่เราหาซื้อหนังสือนิทานมาอ่านกับลูกทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในส่วนของหนังสือภาษาอังกฤษก็พยายามอ่านแบบไม่แปลเป็นภาษาไทย อาศัยว่าอ่านไปแล้วให้ลูกทำความเข้าใจจากรูปภาพประกอบเอง แน่นอนว่าตอนที่ลูกชายยังไม่ถึง 2 ขวบเขายอมฟังโดยดี แต่เราสังเกตว่าหลัง 2 ขวบมานี่ถ้าเราเลือกหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่าน…เขาจะไม่ค่อยสนใจ จนกระทั่งมาเจอเรื่อง Digger man นี้ที่สามารถสะกดลูกชายให้สนใจตั้งแต่หน้าปก Digger man เริ่มต้นด้วยประโยค I […]

Read more

[รีวิว] เพื่อนซี้ในป่าใหญ่

ถ้าพูดถึงหนังสือนิทานที่แปลจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ เราชอบนิทานที่แปลจากภาษาญี่ปุ่นมากที่สุด ตั้งแต่เริ่มอ่านนิทานกับลูกเราก็คอยติดตามว่าเมื่อไหร่จะมีเรื่องใหม่ๆ ออกมา เคยไปซื้อนิทานภาษาญี่ปุ่นมือสองที่ร้านหนังสือแถวสุขุมวิทมา แล้วใช้ Google Translate แปลเป็นภาษาไทยอ่านเองก็รู้สึกว่าแปลไม่ค่อยรู้เรื่อง สุดท้ายเล่าปากเปล่าไปตามรูปให้ลูกฟัง ดังนั้นพอทาง SandClock Books มีนิทานแปลจากภาษาญี่ปุ่นใหม่ออกมาเราจึงดีใจมาก สำหรับเรื่องเพื่อนซี้ในป่าใหญ่ฉบับภาษาไทยนี้ น่าจะเป็นนิทานภาษาญี่ปุ่นเรื่องที่สองของ SandClock Books ที่เราตัดสินใจสั่งพรีออเดอร์ไปตั้งแต่เห็นภาพปก พอได้หนังสือมาก็เปิดอ่านกับลูกๆ ทันที จากภาพปกเราจะเห็นว่ามีเจ้าหมีตัวใหญ่ เจ้าหนูตัวเล็ก (ขนาดพอๆ กับพวงองุ่นป่าเลย สังเกตเห็นไหมคะ) แล้วก็สัตว์ต่างๆ แค่หน้าปกก็ชวนลูกๆ คุยเรื่องสัตว์ตัวโน้นตัวนี้ ชวนดูต้นไม้ ต้นดอกหญ้า เครือเถาพวงองุ่นก็ใช้เวลาไปเกือบห้านาที นี่เป็นนิทานภาพเล่มหนึ่งที่ภาพสวยมาก มีการลงรายละเอียดชัดเจนสมจินตนาการ ตอนแรกเราคิดไว้คร่าวๆ ว่าน่าจะเรื่องราวของผองเพื่อนที่มีหมี มีหนู แล้วก็มีสัตว์ต่างๆ แค่ตามที่เห็นจากหน้าปกเท่านั้น แต่พอเปิดอ่านไปนี่เซอไพรส์มากที่มีหมาบูลด็อกโผล่มา แถมเจ้าหมาบูลด็อกยังเป็นเชฟขนมหวานอีก! ลูกชายเห็นนี่ยิ้มกว้างเหมือนได้เจอพรรคพวก เพราะลูกชายชอบเล่นสมมติเป็นหมาตามการ์ตูนเรื่อง Paw Patrol ซึ่งในการ์ตูนก็จะมีหมาสายพันธุ์ต่างๆ หนึ่งในั้นคือบูลด็อกชื่อเจ้ารับเบอร์ที่ลูกชายชอบมาก กลับมาที่เชฟหมาบูลด็อกในเรื่องเพื่อนซี้ในป่าใหญ่ต่อ เห็นบรรดาขนมที่วางขายในร้านขนมหวานกลางป่าแห่งนี้แล้วเราว่าไม่ธรรมดา อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นฝีมือของผู้วาดมากกว่าที่ทำให้ภาพขนมออกมาสวยมาก ตามสไตล์นิทานญี่ปุ่นที่ทุกอย่างเอามาเขียนมาวาดเป็นนิทานได้หมด ในเรื่องนี้ตัวหมีจะชอบอะไรเล็กๆ ส่วนตัวหนูจะชอบอะไรที่ใหญ่ๆ อ่านๆ จะเริ่มเอ๊ะว่าทั้งคู่ชอบในสิ่งที่ตรงข้ามกับรูปร่างของตัวเอง […]

Read more

[รีวิว] หนูน้อยฟินน์กับเจ้าหมานักฟัง

หนังสือเล่มนี้แปลมาจากต้นฉบับภาษาอังกฤษ Madeline Finn and the Library Dog โดยผู้แปลเลือกใช้คำว่า “เจ้าหมานักฟัง” ในภาษาไทยเพื่อหมายความถึง “library dog” นี่คือครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้เลยลองสืบค้นต่อก็ถึงรู้ว่าที่ห้องสมุดในต่างประเทศมีเจ้าหมาประจำห้องสมุดอยู่จริง และมี Reading dog program อยู่ตามห้องสมุดหลายแห่ง เราตามหาซื้อหนังสือเล่มนี้หลังจากที่ได้ยืมจากห้องสมุดดรุณบรรณาลัยมาอ่าน ตอนแรกลูกชายเลือกเรื่องนี้เพราะหน้าปก ด้วยความที่ชอบหมาอยู่แล้วพอเห็นภาพเด็กน้อยนอนพิงเจ้าตัวโตขนยาวสีขาวเลยไม่รอช้าที่จะขอยืมกลับไป แต่พออ่านจบสิ่งที่ทำให้ลูกชายเราอินมากคือเรื่องสติ๊กเกอร์รูปหัวใจกับสติ๊กเกอร์รูปดาว เรื่องมีอยู่ว่าเด็กหญิงแมดเดอลิน ฟินน์ไม่ชอบอ่านหนังสือเอามากๆ ถ้าให้เดาเราว่าแมดเดอลินน่าจะอยู่สักชั้นประถมหนึ่งหรือไม่ก็ประถมสอง แน่นอนว่าเด็กวัยนี้ต้องเริ่มหัดอ่านหัดเขียนในห้องเรียนแล้ว ซึ่งเวลาคุณครูเรียกให้อ่านออกเสียงในชั้นเรียนแมดเดอลินก็ทำได้ไม่ค่อยดี เธอจึงไม่เคยได้สติ๊กเกอร์รูปดาวจากคุณครูเลย ได้มาแต่สติ๊กเกอร์รูปหัวใจที่หมายถึง “พยายามเข้านะ” อ่านถึงตรงนี้ลูกชายก็หันมาบอกว่าแมดเดอลินกับเขาเหมือนกันเลย เขาก็ไม่เคยได้ดาวจากคุณครู ได้มาแต่รูปนางฟ้าที่บอกว่าให้พยายามอีก นั่นสินะ…ที่ผ่านมาเราก็เห็นอยู่ว่าใบงานของลูกชายที่คุณครูแจกคืนมาจะมีตัวปั๊มประทับมา แต่ไม่เคยซักถามเกี่ยวกับรูปแบบตัวปั๊มที่ได้ ส่วนใหญ่จะถามให้ลูกเล่าเกี่ยวกับสิ่งที่ทำในใบงานเสียมากกว่า ขอเล่าย้อนถึงการเลือกโรงเรียนอนุบาลให้ลูกก่อนว่าเหตุผลหลักๆ ที่เราตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกคือระยะทางที่ใกล้บ้านและใกล้ที่ทำงานเพื่อที่จะได้ไปรับไปส่งลูกได้สะดวก ซึ่งเมื่อพิจารณาเรื่องอื่นๆ ร่วมด้วยมันอาจไม่ถูกใจร้อยเปอร์เซ็นต์ อาทิเช่น การที่โรงเรียนให้เด็กอนุบาลสองฝึกเขียนพยัญชนะแล้ว เราเห็นได้ชัดว่าลูกชายไม่ชอบการเขียนเอาเสียเลย แต่ยังดีว่าคุณครูเข้าใจและไม่ได้บังคับหรือเคี่ยวเข็ญจริงจัง โดยใบงานที่เป็นการฝึกเขียนจะมีเพียงครึ่งหน้าหรือถ้าให้นับเป็นจำนวนตัวพยัญชนะก็อยู่ที่ 12 ตัวอักษร นอกนั้นก็เป็นการทำกิจกรรมผ่านการเล่นกับเพื่อนในชั้นเรียนและการฟังนิทาน เท่าที่พูดคุยกับลูกชายเขาบอกว่าชอบไปโรงเรียนนี้ ชอบคุณครู ชอบเล่นกับเพื่อน แต่ไม่ชอบใบงานที่ต้องเขียนหรือระบายสีเท่านั้นเอง เพราะอย่างนี้นี่เองพอได้ฟังเรื่องของแมดเดอลินเข้าลูกชายจึงรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน กลับมาที่เรื่องของแมดเดอลินกันต่อ คุณแม่ของเธอรับรู้ปัญหาการออกอ่านเสียงของแมดเดอลินแล้วจึงพาเธอไปห้องสมุดที่มีกิจกรรมการอ่านหนังสือให้เจ้าหมาฟัง […]

Read more

เลือกหนังสือแบบไหนดีให้เบบี๋วัยแบเบาะ

ขอออกตัวก่อนว่าตั้งแต่มีลูกเราก็ติดตามอ่านแฟนเพจของ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ มาโดยตลอด ใครที่ติดตามคงจะทราบกันดีถึงหลักการเลี้ยงลูกฉบับย่อว่า “อ่าน-เล่น-ทำงาน-สร้าง EF” โดยส่วนตัวเองไม่ได้อ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ในท้องหรอกนะ เราเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกคนโตฟังครั้งแรกตอนลูกอายุได้ 6 เดือน หนังสือเล่มแรกที่เลือกมาอ่านให้ลูกนี่จำได้ว่าจริงๆ ตั้งใจไปซื้อหนังสือที่จะอ่านเองที่งานสัปดาห์หนังสือ บังเอิญว่าเดินผ่านจุดขายหนังสือราคา 20 บาททุกเล่ม แล้วเห็นหนังสือมีรูปการ์ตูนที่เป็นรถแบบต่างๆ คิดว่าน่าจะเหมาะกับลูกชายก็เลยเลือกซื้อมาสองสามเล่ม เป็นหนังสือปกอ่อน กระดาษบาง สีสันสดใส ดูแล้วคุ้มค่าเกินราคา Raising a family of readers is a rewarding, never-ending voyage. HOW TO RAISE A READER by Pamela Paul and Maria Russo ช่วงแรกที่อ่านหนังสือให้ลูกวัย 6 เดือนฟัง ลูกก็เหมือนจะฟังและดูภาพตามที่ชี้ชวนอยู่บ้าง แต่ที่ลูกชอบมากคือการขยำหน้าหนังสือแล้วก็ดึงและฉีก สรุปคือหนังสือปกอ่อนที่ซื้อมาอ่านให้ลูกช่วง 6 เดือนถึง 1 ขวบนี่ต้องอ่านไปแปะเทปกาวซ่อมไป บางเล่มก็โดนฉีกจนตามหาชิ้นส่วนมาแปะซ่อมคืนไม่ได้แล้ว แต่แน่นอนว่าระหว่างนั้นเราก็หาโอกาสไปซื้อหนังสือแบบที่เหมาะกับช่วงวัยเบบี๋แบเบาะจริงๆ […]

Read more